คุ้มครองชีวิต และ โรคร้ายแรงนานถึงอายุ 99 ปี , ครอบคลุมโรคร้ายแรงทุกระดับ เช่น มะเร็ง , เบี้ยประกันคงที่คลอดสัญญา เลือกจ่ายได้ 10 ปี หรือ 20 ปี มีมูลค่าเวนคืน ลดหย่อนภาษีได้
ทั้ง 6 กลุ่ม จะแบ่งเป็น คุ้มครองระดับต้นถึงปานกลาง รวม 18 โรค/การรักษา และ ระดับรุนแรง รวม 44 โรค/การรักษา ติดตามข้อมูลในช่วงต่อไป
คุ้มครองการเสียชีวิต และ โรคร้ายแรงนานตลอดชีพ (ถึงอายุ 99 ปี)
จ่ายเงินชดเชยโรคร้ายแรง ระดับต้นถึงปานกลาง 18 โรค ระดับรุนแรง 44 โรค
เบี้ยไม่จ่ายทิ้ง กรมธรรม์มีมูลค่าเงินสด เวนคืนเอาเงินมาใช้ได้
เบี้ยประกันภัยคงที่ จ่ายสั้น เลือกเวลาจ่ายเบี้ยได้ 10 ปี หรือ 20 ปี
เบี้ยประกันภัยใช้ลดหย่อนภาษี ได้ตามกฏหมายกำหนด
จ่ายเงินชดเชย 20% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย จำกัดโรคร้ายแรงโรคเดียวเท่านั้น (จ่ายครั้งเดียว)
และ กรมธรรม์ยังมีผลบังคับหากยังมีการชำระเบี้ยประกันภัย
จ่ายเงินชดเชย 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย หักด้วย ผลประโยชน์ความคุ้มครองโรคร้ายแรงระดับต้นถึงปานกลาง ที่จ่ายไปแล้ว (ถ้ามี) และ
กรมธรรม์จะสิ้นผลบังคับทันที
1.ตั้งแต่วันที่ จ่ายเบี้ย 36,280 บาท และ กรมธรรม์ อนุมัติ คุณวิภา จะมีความคุ้มครองชีวิตทันที 1,000,000 บาท และ อีก 60 วันจะมีความคุ้มครองโรคร้ายแรง ตลอดชีพ ถึงอายุ 99 ปี
2.สมมติ อายุ 45 ปี จ่ายเบี้ยสะสมไปแล้ว 10 ปี รวมเป็นเงิน 362,800 บาท แล้วตรวจเจอว่าเป็นโรคมะเร็งระยะรุนแรง จะได้รับเงินชดเชย 1,000,000 บาท สัญญาก็จบลง
3.สมมติ อายุ 55 ปี จ่ายครบจบ 20 ปี รวมเป็นเงิน 725,600 บาท แล้วตรวจเจอว่าเป็นโรคมะเร็งระยะเริ่มต้น ตอนอายุ 65 ปี ก็จะได้เงินชดเชยก้อนแรก 200,000 บาท ต่อมาเป็นระยะรุนแรง จะได้รับเงินชดเชยอีก 800,000 บาท รวมได้รับเงินชดเชยเป็น 1,000,000 บาท สัญญาก็จบลง
4.หรือ ตอนอายุ 70 ปี ตรวจเจอว่า เป็นโรคมะเร็งระยะรุนแรง ก็จะได้รับเงินชดเชย 1,000,000 บาท ทันที
5.สมมติ อายุ 75 ปี ไม่เคยเคลมเลย แล้วมั่นใจว่า จะไม่เป็นโรคนี้แน่ๆ หรือ หมดความกังวลเรื่องภาระครอบครัวแล้ว ต้องการเอาเงินมาใช้ในวัยเกษียณ หรือ ให้ลูกเป็นเงินขวัญถุง ก็สามารถปิด กรมธรรม์ จะได้รับเงินคืน ประมาณ 800,000 บาท (ตามมูลค่ากรมธรรม์)
6.หรือไม่เคยเป็นโรคร้ายแรงเลย แต่โชคร้าย จากไปก่อนวัยอันควร ตอนอายุเท่าไหร่ก็ตาม ครอบครัว จะได้รับเงินชดเชย 1,000,000 บาท สัญญาก็จบลง
7.สุดท้าย อายุยืน จนอายุ 99 ปี ก็จะได้รับเงินคืน จำนวน 1,000,000 บาท สัญญาก็จบลง เช่นกัน
8.หรือกรณีฉุกเฉิน ขาดเงินสดสภาพคล่อง ก็สามารถกู้เงินจากมูลค่าของกรมธรรม์ มาใช้จ่ายยามฉุกเฉินได้ โดยที่ยังมีความคุ้มครองเหมือนเดิม
สรุป คุณวิภา จ่ายเบี้ยปีละ 36,280 บาท (เฉลี่ยวันละ 99.39 บาท) แต่มีความคุ้มครอง 1,000,000 บาท ทุกปี ครบ 20 ปั จ่ายเบี้ย รวมทั้งหมด 725,600 บาท แต่ยังมีความคุ้มครองชีวิต และ โรคร้ายแรง จำนวน 1,000,000 บาท จนถึง อายุ 99 ปี และเงินจำนวน 1,000,000 บาท ยังไงซะ ก็จะต้องได้รับเงินคืน ตามสัญญาแน่นอน แล้วแต่ว่า เหตุการณ์ไหนเกิดก่อน (ยกเว้นกรณี ปิดสัญญาก่อน ก็จะได้รับเงินคืนตามมูลค่าเงินสด ณ ขณะนั้น)
4.คีย์ App : คีย์ข้อมูลใบสมัครผ่านระบบ I-Sign โดยแชร์หน้าจอให้ลูกค้าดูด้วยกัน เพื่อให้มั่นใจในความถูกต้อง ส่งลิงค์ ให้ลูกค้าทำยืนยันตัวตน และ เซ็นต์รับรอง
5.จ่ายเบี้ย : ชำระเบี้ยผ่านบัตรเครดิต หรือ เงินสด รอผลการพิจารณาจาก เอไอเอ
"ไม่เหมือนครับ"
เพราะ ประกันโรคร้ายแรง ปัจจุบัน จะแบ่งกลุ่มความคุ้มครองเป็น 6 กลุ่มโรค และ หลายๆโรค ในยุคปัจจุบัน มีโอกาสเกิดได้กับทุกคน
ทั้ง 6 กลุ่ม จะแบ่งเป็น คุ้มครองระดับต้นถึงปานกลาง รวม 18 โรค/การรักษา และ ระดับรุนแรง รวม 44 โรค/การรักษา
แต่ ประกันมะเร็งจะคุ้มครองเฉพาะโรคมะเร็งอย่างเดียว ดังนั้นก่อนซื้อประกันต้องดูให้ดีว่าคุ้มครองเฉพาะมะเร็งอย่างเดียว หรือ โรคร้ายแรงหลายๆโรค
"จำเป็น"
เพราะนอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลแล้ว
สิ่งที่หลาย ๆ คนอาจลืมนึกถึงก็คือ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ตามมาหลังการรักษาตัวในโรงพยาบาลจบลง เช่น ค่าตรวจติดตามต่อเนื่อง ค่าใช้จ่ายเพื่อพักฟื้นหรือบำบัดฟื้นฟูนอกโรงพยาบาล ค่าคนดูแลและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต้องใช้เมื่อกลับมารักษาตัวที่บ้าน รวมถึงค่าใช้จ่ายในช่วงที่ขาดรายได้ (อาจจำเป็นต้องหยุดทำงาน ทำให้ขาดรายได้) ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ควรมีสำรองไว้ประมาณปีละ 600,000 - 1,000,000 บาท จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ควรทำประกันโรคร้ายแรง เพราะประกันโรคร้ายแรง จะจ่ายเงินก้อนทันทีเมื่อตรวจเจอ ไม่ต้องใช้ใบเสร็จรับเงิน ใช้เพียงผลตรวจทางการแพทย์ เท่านั้น
แนะนำ ทุนประกันโรคร้ายแรงขั้นต่ำ 3 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อเป็นแผนรับมือกับความเสี่ยงในอนาคตให้ครอบคลุม และเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
"ไม่ซ้ำซ้อน"
เพราะ ประกันสุขภาพแบบค่ารักษาพยาบาล กรณีรักษาโรคร้ายแรง เบิกได้ตามค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้น ส่วนประกันโรคร้ายแรง จะจ่ายเป็นเงินค่าชดเชยมาให้ตามวงเงินที่ซื้อโดยไม่สนใจใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเลย
ดังนั้นการซื้อประกันโรคร้ายแรง ก็เหมือนการซื้อเพื่อเพิ่มวงเงินสำหรับการรักษาโรคร้ายแรงซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เงินชดเชยที่ได้จากประกันโรคร้ายแรงเราก็อาจเก็บไว้ใช้รักษาตัวกรณีพักฟื้นที่บ้าน , รักษาแพทย์ทางเลือก หรือ กรณีขาดรายได้ ซึ่งประกันสุขภาพไม่สามารถเบิกได้
การทำประกันโรคร้ายแรงเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เป็นการโอนย้ายความเสี่ยงให้บริษัทประกัน รับผิดชอบ
โรคร้ายแรงมักมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงมาก การมีประกันช่วยคุ้มครองภาระการเงินและให้ความมั่นใจในการรักษาได้เต็มที่ ทำให้ไม่กระทบกับการเงินของครอบครัว
และสำหรับ แบบประกันโรคร้ายแรง เอไอเอ ซีไอ ซุปเปอร์แคร์ การจ่ายเบี้ยประกันก็เสมือนกับออมเงินไปในตัวด้วย เพราะ มีมูลค่าเงินสด ซึ่งถ้าไม่มีเคลมเลย เราก็สามารถเวนคืน นำมูลค่าเงินสดออกมาใช้จ่ายได้ในอนาคต
แต่ถ้าด้วย งบประมาณที่เท่ากัน แต่ต้องการความคุ้มครองที่คุ้มค่า เคลมได้หลายๆรอบ ก็แนะนำ AIA MULTI-PAY CI PLUS เจอจ่ายหลายจบ ครบถึงการดูแล เคลมได้สูงสุด 1,000% พร้อมคุ้มครองกรณีเสียชีวิตด้วย
ถ้าเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นมาจริงๆ คงไม่คิดว่า การทำประกันโรคร้ายแรงเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
การเป็นโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และ การพักรักษาตัวก็อาจยาวนาน และ บางกรณี ก็ส่งผลถึงเรื่องการงานที่ทำอยู่ อาจถูกเลิกจ้างงาน ทำให้ขาดรายได้
ประกันโรคร้ายแรง จ่ายเงินก้อนให้ ไม่สนใจใบเสร็จรับเงิน ทำให้ช่วยเสริม สภาพคล่องทางการเงิน และ ทำให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดมากขึ้น เช่น ค่าใช้จ่ายการรักษาระยะยาว ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวัน เป็นต้น
ในขณะที่ ประกันสุขภาพทั่วไปอาจไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยเฉพาะกรณีที่เป็นโรคร้ายแรง เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูง และจ่ายค่าสินไหม ตามใบเสร็จรับเงินเท่านั้น
การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ ความแน่นอน ก็คือ ความไม่แน่นอน
เพราะโรคร้ายแรง บางกรณีก็ไม่ได้มาจากสุขภาพที่อ่อนแอ แต่มาจากปัจจัยภายนอก เช่น อากาศ ฝุ่น PM 2.5 เป็นต้น
มาจากนิสัย และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ความเครียด , การนอนน้อยพักผ่อนไม่เพียงพอ , การทานอาหาร , ดื่มแอลกอฮอร์ สูบบุหรี เป็นต้น
โรคร้ายแรง เกิดได้กับทุกคน ไม่ระบุเพศ ไม่ระบุเวลา ไม่ระบุความแข็งแรงของสุขภาพ ดังนั้น การทำประกันเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารการเงินของเรา ด้วยการโอนย้ายความเสี่ยง หรือ ทำประกันไว้ เผื่อเกิดเหตุร้ายเป็นโรคร้ายแรงขึ้นมาจริงๆ อย่างน้อยก็มีประกันมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้
เสมือนการทำประกันรถยนต์ที่เราก็ขับรถไม่เคยเฉี่ยวชนเลย แต่ก็ยังซื้อประกันรถติดไว้ทุกปี
ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน
แม้ว่าคุณจะมีสุขภาพดีในขณะนี้ แต่โรคร้ายแรงสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด และ บางกรณีก็ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เป็นโรคที่เกิดจากนิสัยหรือพฤติกรรมการดำเนินชีวิต
การทำประกันโรคร้ายแรงเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต ช่วยคุ้มครองคุณจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะการทำประกันโรคร้ายแรงตลอดชีพ AIA CI Supercare จ่ายเบี้ยคงที่แค่ 10 หรือ 20 ปี ก็คุ้มครองตลอดชีพ แถมถ้าไม่มีการเคลม ก็มีมูลค่าเงินสดเวนคืนได้ แถมคุ้มครองกรณีเสียชีวิตด้วย
หรือถ้าต้องการความคุ้มครองสูงเคลมซ้ำได้หลายรอบ แนะนำ AIA MULTI-PAY CI PLUS เคลมสูงสุดได้ 1,000% แถมคุ้มครองกรณีเสียชีวิตด้วย
"ทำตอนนี้"
การทำประกันโรคร้ายแรงควรทำไว้ตั้งแต่ตอนนี้ ในขณะที่ยังไม่เจ็บป่วย เพื่อเป็นแผนสำรองที่อาจเป็นประโยชน์มหาศาลในอนาคต ให้คุณพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์
สำหรับแผนประกันโรคร้ายแรง เอไอเอ ซุปเปอร์แคร์ ควรทำตั้งแต่ตอนอายุน้อยๆ เพราะ เบี้ยราคาถูก และ เบี้ยจ่ายคงที่ เลือกจ่ายได้ 10 ปี หรือ 20 ปี ยิ่งทำตอนอายุน้อย เบี้ยยิ่งถูก ยิ่งคุ้มค่า
คุ้มครองโรคร้ายแรง 6 กลุ่มโรค โดยแบ่งเป็น คุ้มครองโรคร้ายแแรงระดับต้นถึงปานกลาง 18 โรค และ ระดับรุนแรง 44 โรค ตามภาพ
สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ตามกฏเกณฑ์ของ สรรพากร
CI Supercare เป็นประกันโรคร้ายแรง ที่เรียกว่า เป็นแบบ Package
ดังนั้น เบี้ยประกันของ ประกัน CI Supercare จึงแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ